<< Go Back

เส้นพาสตา


    "เส้นพาสตา"(Pasta) อาหารที่ทำให้รู้สึกนึกถึงประเทศอิตาลี อาหารแนวอิตาเลียน ที่ปัจจุบันเป็นที่นิยมรับประทานกัน ต้นกำเนิดของเส้นพาสตานั้น มีตำนานการเดินทางของ มาร์โค โปโล (Marco Polo) นักสำรวจชาวอิตาลี ในศตวรรษที่13 เป็นคนนำเส้นบะหมี่มาจากประเทศจีน จนกลายมาเป็นเส้นพาสตาที่รู้จักกัน
    ส่วนในประเทศไทยนั้นรู้จักเส้นพาสตาครั้งแรกในยุคของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังพระองค์เสด็จประพาสไปยุโรป ก่อนจะนำสูตรเส้นพาสตากลับเข้ามาในประเทศไทย โดยเรียกว่า "แป้งอิตาลี"
    โดย เมนู "มักกะโรนี" เป็นเส้นพาสตาชนิดแรกที่คนไทยรู้จัก ซึ่งมาจากเมนู มักกะโรนีอบชีส และ ซุปมักกะโรนี ขณะที่ร้านอาหารอิตาเลียนเข้ามาในประเทศไทยช่วงสงครามเวียดนามในศตวรรษที่20
    ซึ่งร้านพิซซาร้านแรกในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเพื่อขายให้กับทหารอเมริกัน จนกระทั่งสงครามจบลงไป ต่อมาคนไทยก็เริ่มเปิดร้านอาหารอิตาเลียน
สำหรับเส้นพาสตา แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ
    1. เส้นสด คือ เส้นสดเป็นการทำเส้นขึ้นมาใหม่โดยการนวดแป้ง ก่อนจะรีดหรือขึ้นรูปตามที่ต้องการ
    2. เส้นแห้ง คือ เส้นแห้งเป็นการนำเส้นพาสตาที่ถูกขึ้นรูปแล้วนำมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิต่ำ จนกว่าความชื่นจะระเหยหมดก็จะได้ เส้นแห้งเก็บไว้ได้นาน
ทั้งนี้เส้นลักษณะเส้นพาสตาจะมีหลากหลายทรง โดยจะเรียกชื่อตามทรง ประกอบด้วย
    1. พาสตาเส้นยาว เช่น ลิงกวินี(Linguine) สปาเกตตี(Spaghetti) ฟูซิลลีลูงกี(Fusili Lunghi) เวอร์มิเซลลิ(Vermicelli)
    2. พาสตาทรงริบบิ้น เช่น เฟตตูชินี(Fettuccine) ตักเลียตเล่(Tagliatelle) ปัปปาร์เดลเล(Pappardelle) มาฟาดดีนี(Mafaldine)
    3. พาสตาทรงเปลือกหอย เช่น ลูมาเช(Lumache) คองคิเย(Conchiglie)
    4. พาสตาเส้นเกลียว เช่น เจเมลลี(Gemelli) ฟูชิลลี(Fusilli) โทรฟิเอ(Trofie) สโตรซาเพรตี(Strozzapreti) คาเซเรชเช(Caserecce)
    5. พาสตาทรงหลอด เช่น เพเน(Pene) ริกาโตนี(Rigatoni) มักกะโรนี(Macaroni) ปักเครี(Paccheri)
    6. มินิพาสตา เช่น ออโซ(ออโซ) เฟรโกลา(Fregola) คาเนสตรินี(Canestrini) สเตลลินี(Stelline)
    7. พาสตาสอดไส้ เช่น ราวิโอลี(Ravioli) คัปเปลเลตติ(Cappelletti) ตอร์เตลลินี(Tortellini)
    ซึ่งเส้นพาสตาแต่ล่ะเส้นจะถูกไปสร้างสรรค์เมนูที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของลักษณะเส้นพาสตา รวมไปถึงซอสแต่ล่ะชนิดที่จะนำมารัปทานคู่กับเส้นพาสตา

 

ขอบคุณเนื้อหาเพิ่มเติม
https://www.komchadluek.net/news/473122

<< Go Back